ข้อเข่าเสื่อมอาการส่วนมากจะเกิดจากภาวะกระดูกอ่อนที่รองข้อเข่าเกิดสึกกร่อน สึกหรอ อาจจะมากจนกระทั่งผิวหุ้มกระดูกอ่อนหายไปและทำให้เนื้อกระดูกมากระทบหรือชนเสียดสีกันจนทำให้เจ้าของเข่ารู้สึกเจ็บปวด สามารถรู้สึกเจ็บปวดได้ในขณะที่ใช้งาน เดิน วิ่งหรือรับน้ำหนักมากเกินไป จนถึงเพียงแค่ใช้งานนิดหน่อยก็รู้สึกเจ็บโดยทันที เมื่อเกิดอาการชนิดเรื้อรังก็จะเกิดการเคลื่อนไหวที่ติดขัดลำบากรวมไปถึงมีเสียงดังขณะเคลื่อนไหวด้วย ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการแนวขา เข่าผิดรูป ขาโก่งผิดปกติได้
หากเกิดความสงสัยว่าข้อเข่าเสื่อมอาการใดบ้างที่เข้าข่ายสามารถเช็คตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้
1.รู้สึกปวดบริเวณหัวเข่ามากเมื่อต้องคุกเข่า พับเพียบ ขึ้นลงบันได ลุกนั่งโดยอาการเจ็บปวดจะหายไปเมื่อได้หยุดพัก หรือมีเสียงในเข่าขณะเคลื่อนไหวขยับหัวเข่า รวมไปถึงไม่สามาถเหยียดขาเข่าได้สุดได้ตรง
2.หากมีอาการหนักมาก เช่น บริเวณหัวเข่าบวมแดง มีน้ำข้างในข้อเข่า หมายถึงมีข้อเข่ามีอาการอักเสบแล้วนั่นเอง
ภาวะข้อเข่าเสื่อมอาการจะแสดงออกตอนช่วงอายุเท่าไหร่
โดยส่วนมากก็จะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อายุมากขึ้น มักพบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่นโรครูมาตอยด์ โรคเกาต์ ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุบริเวณเข่ามาก่อน เป็นต้น
ภาวะข้อเข่าเสื่อมอาการไม่หนักมากสามารถรักษาได้หรือไม่
คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก เนื่องจากปัจจุบันการแพทย์ การวิจัยค่อนข้างพัฒนาไปมาก ทำให้มีตัวยาหรืออาหารเสริมที่ใส่สารช่วยดูแลข้อเข่าได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
กรณีข้อเข่าเสื่อมอาการหนัก ปวดมาก โดยทั่วไปก็จะรักษาด้วยการให้ยสแก้ปวด หากมีภาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีการให้ยาลดการอักเสบ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาแบบอื่นเช่น กายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อหัวเข่า และสุดท้ายหากมีอาการข้อเข่าผิดรูปก็จะต้องใช้การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมนั่นเอง
เราจะสามารถดูแลถนอมข้อเข่าเสื่อมอาการที่ไม่รุนแรงมากได้หรือไม่
การถนอมข้อเข่านั้นสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ยังไม่พบอาการ การดูแลเรื่องน้ำหนักตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อร่างกายต้องแบกน้ำหนักที่มีค่าเกิน BMI ที่ควรมี แน่นอนว่าหัวเข่าคือจุดแบกน้ำหนักไว้นานสุดและมากที่สุด หากน้ำหนักตัวมากจะเสี่ยงต่อข้อเข่าเสื่อมมากที่สุด
การบริหารกล้ามเนื้อต้นขา รอบเข่าให้แข็งแรงก็จะสามารถช่วยลดภาระการแบกรับน้ำหนักของข้อเข่าและลดภาวะข้อเข่าเสื่อมอาการหนักในอนาคตได้ดีเช่นกัน
